วันศุกร์, มกราคม 03, 2557

[สปอยแรง]เค้กกลมๆ ในมาโดมากิ รีเบลเลียน

สปอย ฉากหนึ่งในมาโดกะ รีเบลเลียน ใครยังไม่ดูข้ามไปเลยครับ อย่าได้อ่านเชียว ผมเตือนแล้วนะ

ส่วนผู้สนใจ ลงล่างเลยครับ



































ไปเจอมาจากบล็อกญี่ปุ่นโดยบังเอิญจริงๆ เกี่ยวกับมารุ่ยเค้ก ที่ร้องเล่นกันกับไนท์แมร์ที่เจอตอนเปิดเรื่อง ที่คนญี่ปุ่นวิเคราะห์เอาไว้

ケーキ、ケーキ、まぁるいケーキ 
まぁるいケーキはだぁれ? 
ケーキハサヤカ? 
ちーがーう 
私はラズベリー 
まぁるいケーキは赤い色 
ケーキは杏子? 
ちーがーう 
あたしはリンゴ 
まぁるいケーキはベベが好き 
ケーキはマミ? 
ちーがーう 
私はチーズ 
まぁるいケーキは転がる 
ケーキは暁美さん? 
ちがっ……います 
私はかぼちゃ 
まぁるいケーキは甘いです 
ケーキはまどか? 
ちーがーう 
わたしはメロン 
メロンが割れたら甘い夢 
今夜のお夢は苦い夢 
お皿の上には猫の夢 
丸々太って召し上がれー! 

(ไม่แปลนะ ขี้เกียจ) ข้างบนนั่นคือเนื้อเพลง เนื่องจากผมขี้เกียจแปลจึงยกผลประโยชน์ให้คนที่อ่านญี่ปุ่นออกไป *โดนถีบ*
ในบล็อกว่า มารุ่ยเค้กเป็นพิธีกรรมครับ (เดาไม่ยาก)

ก่อนอื่นก็มาดูก่อนว่า ในฉากนั้น บนโต๊ะจะมีดาวอยู่ 5 ดวง ซึ่งศาสตร์เวทมนตร์ของทางยุโรปหมายถึงดิน น้ำ ลม ไฟ วิญญาณ ซึ่งมันก็คือพิธีกรรมเวทมนตร์นั่นเอง ปกติแล้วดาว 5 ดวงในศาสตร์เวททางยุโรปจะหมายถึงประตูมิติสู่โลกอื่นด้วย ซึ่งธาตุทั้ง 4 หมายถึงโลก ส่วนยอดที่ 5 หมายถึงการใช้พระจันทร์เป็น “สื่อ” ไปยังโลกวิญญาณ ใช้เป็นเครื่องรางในการอัญเชิญเซราฟ (seraph) หรือเทวทูตในพันธสัญญาเดิม ซึ่งพิธีกรรมนี่ก็หมายถึงการเปิดประตูเชื่อมระหว่างโลกและโลกวิญญาณ เพื่อเรียกวิญญาณชั้นสูงมานั่นแหละ

ตอนที่ผลัดกันร้องเพลง ก็จะมีสัญญาณมือ ซึ่งมาจากสัญญาณมือที่พวกอารยันในอินเดียสมัยก่อนใช้ในการล่าสัตว์ เพื่อสื่อสารกับพรรคพวกโดยไม่ให้เหยื่อรู้ตัว ในที่นี้ก็เป็นการสื่อสารด้วยภาษากาย(?)กับวิญญาณเทวทูตเพื่อให้ทำตามที่ขอ ในการสื่อสารจะแบ่งเป็น 3 ส่วนประกอบด้วยกัน

1.       ร่างกายมุทรา การสื่อสารด้วยท่าทาง
2.     ปาก มนตรา การใช้คำพูด (ร่าย)
3.     ความรู้สึกนึกคิด

ใน esoteric Buddhism สัญญาณมือจะใช้มือทั้งสองข้าง แต่ในมาโดมากิใช้ข้างเดียว คนวิเคราะห์เลยสันนิษฐานว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับฟรีเมสัน (Freemasonry) โดยให้เหตุผลว่ามีสัญลักษณ์ของฟรีเมสันอีกเยอะในเรื่อง

Ref เกี่ยวกับ esoteric Buddhism


แล้วทำไมเค้กต้องกลม?

ก็ว่ากันว่าเพราะใช้อุปกรณ์ในการทำรูปร่างกลม มันนำความร้อนได้ดีกว่า(สุกโดยทั่วถึง) แถมยังตกแต่งหน้าเค้กง่าย แต่เพราะมันเป็นอนิเมสาวน้อยเวทมนตร์ เราก็ต้องวิเคราะห์แบบเวทมนตร์แทน (บุ่ย)

คือต้นกำเนิดการใช้เค้กวันเกิดกลมมาปักเทียนวันเกิด มีต้นกำเนิดมาจากกรีกโบราณ

แรกเริ่มเดิมที เค้กกลมเป็นสิ่งที่ใช้ในการสักการะเทพีอาร์เทมิส ซึ่งเค้กกลมสื่อถึงพระจันทร์เต็มดวง เทียนไขก็คือแสงจันทร์ และมาโดมากิมีรูปและลวดลายของพระจันทร์เยอะมาก เลยน่าจะมีความข้องเกี่ยวกับตำนานของเทพีอาร์เทมิส

Refเกี่ยวกับเทพีอาร์เทมิส

ในบรรดาเทพีตำนานกรีก เทพีอาร์เทมิสจะมีความสำคัญในโลกของศาสตร์เวทมนตร์อยู่มาก (ซึ่งผมคาดว่าเพราะเป็นเทพีแห่งดวงจันทร์นี่แหละ) ในภาพประกอบหนังสือเกี่ยวกับเวทมนตร์หลายเล่มก็มีวาดเอาไว้อยู่

ศาสตร์เวทมนตร์ตะวันตก เทพีอาร์เทมิส ก็ = เทพีไอซิส เทพีแห่งความรักและไสยศาสตร์ของอียิปต์ และมีค่าเท่ากับพระแม่มาเรียในศาสนาคริสต์ ซึ่งมาโดมากิอ้างอิงคริสต์ซะเยอะ


แล้วทำไมเค้กสีแดง?

ตรงนี้เป็นบทของซายากะ คนวิเคราะห์เขาไปลองค้นหาด้วยเค้กสีแดง ก็เจอเข้ากับเค้ก Red Velvet ของอเมริกา ซึ่งไม่ได้ใส่สีอะไร แต่เป็นการใช้การทำปฏิกิริยาระหว่างช็อกโกแลตกับส่วนผสม ทำให้เขาคิดถึง “การแปรธาตุ” ขึ้นมา (เฮ้ย..)

ซึ่งการแปรธาตุนี้มีการใช้สีเป็นข้อบ่งชี้ว่าการแปรธาตุเป็นไปด้วยดีหรือไม่ สีแดงหมายถึง OK

เค้ก Red Velvet นี่เคยโดนห้ามทำเพราะมีคนใส่สีผสมจนคนกินเป็นมะเร็งในอเมริกา ซึ่งมะเร็งนี่หมายถึงชาร์ล็อต หรือก็คือนางิสะ (เดี๋ยวนะพี่...)

เขาว่าที่นางิสะเป็นอะไรมากมายกับชีส เพราะผู้ป่วยมะเร็งได้รับอนุญาตให้กินขนมได้อยู่ ยกเว้นผลิตภัณฑ์จากนมอย่างชีส คือชาร์ล็อตอาจจะเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ที่อธิษฐานกับQBให้หายป่วยจากมะเร็งหรือเปล่า (อันนี้เหมือนเคยเห็นมาแล้ว ผ่านๆ)

แถมยังมีเค้กที่เป็นที่มาของ Red Velvet คือ Devil's Food Cake

ทางยุโรปมีความเชื่อว่าปิศาจไม่ถูกกับของหวาน งานเฉลิมฉลองต่างๆ ถึงมีการกินเค้ก เพื่อเป็นเครื่องรางป้องกันภัยจากปิศาจ
นึกถึงฉากที่พวกมาโดกะล้อมไนท์แมร์เป็นวงกลมนะ...


แล้วทำไมเบเบ้ดันชอบเค้กล่ะ?

เบเบ้ Bebe ภาษาฝรั่งเศสแปลว่าเด็กทารก แล้วเขาไปค้นเจอเค้กชื่อ King's Cake เข้า (ภาพสยองไม่แนะนำให้ค้น เค้กบ้าอะไรกุโระชะมัด)

คือเค้กนี่เป็นเค้กที่กินกันช่วงคริสต์มาส ในเค้กจะมีตุ๊กตาพระเยซูตอนเป็นทารกทำจากยางไม้สอดไส้อยู่ ใครที่จับได้เค้กที่มีตุ๊กตานี้อยู่จะได้เป็นพระราชาของเทศกาล

ก็อาจจะหมายถึง เอามาโดกะทารก สอดไส้เค้กแล้วกินเข้าไป ซึ่งตรงนี้คงเป็นรสนิยมของโฮมุระ (เดี๋ยว จะวายไปไหน...คนวิเคราะห์แม่งก็เยอะนะ แต่ผมกลับรู้สึกว่ามาโดก้อดนี่ใกล้เคียงโคจิกิอยู่บ้างเหมือนกัน แต่เอาเหอะ god สูงสุดทั้งคริสต์ทั้งโคจิกิก็ไร้ตัวตนทั้งคู่)


เค้กกับชีส

ตรงนี้ของมามิ เกี่ยวข้องกับพิธีกรรมในวักของเทพีอาร์เทมิส พวกสปาร์ต้ายุคเก่าๆ เมื่อจะถวายเค้ก จะมีการถวายชีสไปพร้อมๆ กันด้วย แล้วก็มีพิธีเป็นผู้ใหญ่ของพวกสปาร์ต้าคือให้พวกเด็กหนุ่มขโมยชีสให้เนียน ถ้าโดนจับได้ก็ถูกเอาตัวไปเฆี่ยนเลย แล้วมันเกี่ยวกับฉากที่โฮมุระ “ขโมย” ส่วนนึงของมาโดกะไหม?


ฟักทอง

ฮาโลวีนละมั้ง...เทศกาลที่วิญญาณคนตายจะกลับมาโลกคนเป็น จะหมายถึงมาโดกะกลับมาจากเอนคังหรือเปล่า?


เมล่อนแตก

เมล่อนเป็นผลไม้ที่ถ้าได้รับน้ำมากไปจะสูญเสียความหวานแล้วปริแตกออก เพราะงั้นถ้าเกิดฝนลงห่าใหญ่ก่อนจะเก็บเกี่ยวนี่บรรลัยทั้งสวน “ฝันแสนหวาน (甘い夢)” คงหมายถึงอยากจะปลูกเมล่อนหวานๆ แต่เมล่อนดันแตก คำอธิษฐานไม่เป็นจริง ตรงนี้อาจจะหมายถึงสภาพจิตใจของโฮมุระก็ได้ (รอแล้วรอเล่ากว่าเจ้าจะมาหาพี่...หนีไปเป็นอัลติเมทก้อดเลสซาตานดีกว่า แสด)


ฝันขมๆ

จากข้างบนที่ว่าปิศาจไม่ชอบของหวาน ตรงนี้อาจจะสื่อถึงการที่โฮมุกลายเป็นปิศาจไปก็ได้


ความฝันของแมวที่อยู่บนจาน

ญี่ปุ่นมีขนมชื่อว่า “ยุเมะเนะโกะ (แมวแห่งฝัน)” อยู่นะ ขายอยู่ที่โคเอ็นจิในโตเกียว หาร้านซื้อทานกันได้ (ไม่ได้ค่าโฆษณา) แถมมีหลายสีด้วย! ในรูปนี่สีประมาณสนวม.ในเรื่องเลย (แต่จะเกี่ยวมั้ย...ไม่รู้) แต่เวทมนตร์ดำก็มีการใช้แมวเป็นเครื่องสังเวยอยู่

เดี๋ยวๆ โคเอนจิ เป็นชื่อวัด 高い円 นี่ก็คงหมายถึงมาโดกะหรือเปล่า? (เสริมนิดนะ อ่านว่ามาโดกะได้ด้วยนะ ถ้าชื่อมาโดกะมีคันจิก็น่าจะเป็นตัวนี้แหละ ในเรื่องออกมาเยอะมาก) วัดโคเอนจิเป็นวัดเซ็นนะ ก็น่าสนใจว่าอาจจะเกี่ยวกับเซ็นก็ได้ เพราะเซ็นเองก็มีลวดลายเกี่ยวกับพระจันทร์เหมือนกัน

ก็อะไรประมาณนี้ ผมบังเอิญเจอจากที่นี่อ่ะนะ

ก็บอกตรงๆว่าไม่ได้แปลหมดครับ ใครอ่านภาษาญี่ปุ่นออกสนใจหารายละเอียดเพิ่ม (ผมเอามาแต่ที่คิดว่ามันน่าสนใจน่ะนะ) ก็เชิญเข้าไปอ่านกันได้ครับ


96