เห็นว่าคนไทยชอบเบียร์ญี่ปุ่นกันอยู่เยอะครับ
ก็เลยว่าจะเขียนเกี่ยวกับเบียร์ญี่ปุ่นสักหน่อย จะออกแนววิชาการนิด
แต่พยายามจะไม่ให้เข้าใจยากเกินไปนะครับ
อนึ่ง ผมเป็นพวกขี้เกียจหารูปประกอบบทความ ติดนิสัยมาจากสมัยเน็ตบ้านยังช้าโหลดรูปนาน
ถ้าจะทำให้น่าเบื่อไปบ้างก็ต้องขออภัยด้วยครับ
เบียร์ญี่ปุ่น ส่วนมากแล้วจะเป็นของบริษัทใหญ่ 4 แห่งที่เราๆ คุ้นชื่อกันดี
คือ คิริน, อาซาฮี, ซัปโปโร แล้วก็ซันโทรี่ครับ บริษัทเหล่านี้จริงๆ
ก็ไม่ได้ผลิตเบียร์เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีเครื่องดื่มทั้งมีแอลกอฮอล์และไม่มีแอลกอฮอล์
(ญี่ปุ่นจะเรียกว่า softdrink ทับศัพท์) ด้วย
เบียร์ญี่ปุ่นจะแบ่งเป็นระดับ จากบนไปล่างนะครับ
1.
เบียร์พรีเมียม (プレミアムビール)เป็นเบียร์ระดับสูงตามชื่อครับ
ตัวอย่างก็เช่น เอบิสึ (ของซัปโปโร), เดอะ พรีเมียม มอลท์ (ของซันโทรี่), จุกุเซ็น
(ของอาซาฮี) และฮาร์ทแลนด์ (ของคิริน)
จะเห็นได้ว่าแต่ละค่ายก็จะต้องมีคลาสพรีเมียมของตนเองครับ ราคาจะแพง
แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีคำจำกัดความหรอกครับว่ามันพรีเมียมยังไง นอกจากราคา,
วัตถุดิบที่ใช้กับรสชาติ แล้วก็ข้อจำกัดที่หาไม่ได้ในคลาสอื่นบางประการ
2.
เบียร์ปกติธรรมดาทั่วไป หรือเรียกว่าเบียร์สด
(生ビール) ซึ่งแต่ละค่ายก็มีหลายรุ่นเช่นกันครับ อย่างลาร์เกอร์ (ของคิริน),
ซุปเปอร์ดราย (ของอาซาฮี), คุโระลาเบล (ของซัปโปโร), มอลท์ (ของซันโทรี่) เป็นต้น ซึ่งก็ต่างทั้งรสชาติและความเข้มข้นตามวัตถุดิบที่ใช้ในแต่ละรุ่นครับ
เบียร์โดยมากจะนิยมใช้ข้าวสาลี
3.
ฮัปโปชู (発泡酒) แปลตามตัวว่า
“เหล้ามีฟอง” ครับ
ซึ่งฮัปโปชูนี้จะถือว่าเป็นเบียร์รองเกรดระดับค่อนข้างล่างจากเบียร์ปกติ
(ที่ว่าค่อนข้างเพราะมันยังมีล่างกว่าครับ) หากถามว่าต่างจากเบียร์ตรงไหน? ก็ตรงวัตถุดิบครับ
ซึ่งจะไม่ได้ใช้ข้าวสาลี แต่ใช้อย่างอื่นแทนอย่างข้าว หรือข้าวโพด
ทำให้ได้เบียร์คุณภาพระดับรองลงมาจากเบียร์สด แน่นอนครับราคาก็ถูกกว่า
แต่ปัจจุบันไม่มีใครขายแล้ว
4.
เบียร์ไดซัง (第三のビール)
เป็นเบียร์ระดับล่างที่ถือว่าเป็นฮัปโปชูครับ มาแทนที่ฮัปโปชู บางคนไม่รู้จักไดซัง
ก็ใช้คำว่าฮัปโปชูแทนได้เช่นกัน แต่วัตถุดิบและวิธีการผลิตก็ต่างกับฮัปโปชู
คือไม่ใช้มอลท์ในการผลิตเลย และอาจะมีการผสมแอลกอฮอล์อย่างอื่น (ที่ไม่ใช่เบียร์
จำพวกโชจูหรือสปิริต) ที่ได้จากการหมักลงไปด้วย เป็นเบียร์ราคาถูก
ซึ่งบางครั้งอาจทำให้สับสนกับเบียร์สด ผมเคยทำงานร้านอาหารไทยในญี่ปุ่น
ลูกค้าเคยสั่งด้วยความเข้าใจผิดว่าเป็นเบียร์สดจนต้องมาเคลียร์กันตอนคิดเงิน
เบียร์ประเภทนี้ก็ตัวอย่างเช่น เคลียร์อาซาฮี (ของอาซาฮี), มุกิ โตะ ฮ็อป
(ของซัปโปโร), โนโดโงชิ (ของคิริน), คินมุงิ (ของซันโทรี่) เป็นต้น
5.
นอน แอลกอฮอล์ (ノンアルコールビール)
ก็ตามชื่อครับ เป็นเบียร์ไร้แอลกอฮอล์ แต่กลิ่นและรสชาติเหมือนกับเบียร์พอควร
แค่ดื่มแล้วไม่เมา ตัวอย่างเช่น ฟรี (ของคิริน), พ้อยต์ เซโร่ (ของอาซาฮี),
ซุปเปอร์เคลียร์ (ของซัปโปโร), ไฟน์ เซโร่ (ของซันโทรี่) เป็นต้น
ศัพท์น่ารู้เกี่ยวกับเบียร์&เครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ของญี่ปุ่น
พูดถึงการดื่มแอลกอฮอล์จะเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในวัฒนธรรมญี่ปุ่นเลยนะครับ
ถึงกับมีศัพท์ขึ้นมาว่า 飲みにケーション โนมินิเคชั่น
เป็นการเอาคำว่า 飲む โนมุ ที่แปลว่าดื่ม กับ コミュニケーション
คอมมิวนิเคชั่น ที่แปลว่าการสื่อสาร เอาง่ายๆ ก็คือไปคุยกันในวงเหล้าแหละครับ
ซึ่งหลายๆ คนน่าจะเคยได้ยินว่าคนญี่ปุ่นมักจะพาลูกค้าไปรับรองด้วยการกินดื่มมาแล้ว
การเลี้ยงรับรองนี่มีผลต่อการตัดสินใจในธุรกิจ หรือการคบค้าสมาคมของคนญี่ปุ่นค่อนข้างมากเลยล่ะครับ
เวลาดื่มเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ ก็มีให้เลือกหลากหลายแบบ
แต่ที่พบบ่อยก็จะเป็นศัพท์คำว่า 辛口 (คาระคุจิ) กับ 甘口 (อามะคุจิ)
ซึ่งชาวต่างชาตินั้นจะไม่ค่อยมีใครทราบเท่าไหร่นักว่ามันคืออะไร
แม้กระทั่งบางคนที่ทำงานพิเศษร้านอาหารก็ตาม เพราะมันเป็นการแบ่งประเภทรสชาติแบบเฉพาะของคนญี่ปุ่นจริงๆ
ผมเป็นพวกขี้สงสัยครับ ว่าไอ้ที่เขียนบนฉลากพวกนี้มันอะไร ทำไมมีเผ็ด (辛)
กับหวาน
(甘) เลยเอาไปถามผู้จัดการร้าน+google จนได้รู้
(ขอบคุณมา ณ ที่นี้ครับ)
ผมเคยถามผู้จัดการว่า แล้วเบียร์ไทยของเรานี่มัน 辛 หรือ 甘
เบียร์บ้านเราเข้มกว่าญี่ปุ่น แต่ผู้จัดการกลับตอบว่ามันหวาน 甘 เฉยเลย งงล่ะสิครับทีนี้...รสชาติเข้มกว่ามันก็น่าจะเผ็ด 辛 ไม่ใช่เหรอ?
เอาตามความเข้าใจง่ายๆ 辛口 กับ 甘口 เนี่ย
ไม่ได้หมายถึงรสชาติที่รู้สึกได้ชัดครับ แต่จะแบ่งกันที่ “ความเข้ม” ของเบียร์
พอมาถึงตรงนี้ก็จะเคลียร์ว่าทำไมเบียร์ไทยถึงหวาน 甘
辛口 ก็คือ dry ครับ รสชาติจะ clear (ซึ่งตรงนี้ผมก็อธิบายไม่ค่อยถูก
ผมแพ้แอลกอฮอล์ครับ) แต่ก็พอจะเข้าใจนะว่าประมาณไหน ถึงจะ clear ก็จะค่อนไปทางรสอ่อนครับ
ซึ่งโดยมากแล้วเบียร์ของญี่ปุ่นจะเป็น 辛口 เสียมาก
ส่วน 甘口 ก็จะตรงข้ามกันเลยคือ รสชาติจะเข้ม
จากปากคำของเพื่อนญี่ปุ่นที่ติดใจรสชาติเบียร์สิงห์บ้านเราบอกว่า
กลมกล่อมกว่าเบียร์ญี่ปุ่นที่เป็น 辛口 ครับ ซึ่งความเข้มทั้ง 辛口 กับ 甘口 ก็มีผลมาจากปริมาณน้ำตาลที่เกิดขึ้นจากการหมัก
ยิ่งน้ำตาลเปลี่ยนเป็นแอลกอฮอล์มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่ง辛มากขึ้น แต่รสชาติจะเข้มข้นน้อยลงด้วย
辛口 กับ 甘口 ไม่ได้ใช้แค่เฉพาะเบียร์ครับ
แต่ยังใช้กับแอลกอฮอล์ประเภทอื่น เช่น นิฮงชู (ที่เราชอบเรียกกันว่าสาเก), โชจู (เทียบได้กับเหล้าขาว)
หรือแม้กระทั่งไวน์ เวลาเราสั่ง บางครั้งเขาจะถามครับ ว่าจะรับเป็น 辛口 หรือ 甘口 ดี ชอบแบบไหนก็เลือกกันตามใจชอบเลยครับ
แต่อย่ากินแบบเมาแล้วขับก็แล้วกัน
ไว้คราวหน้า ถ้ามีเวลาอีก จะเขียนเรื่องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อื่นๆ
ของญี่ปุ่นบ้างครับ
96
Ref:
http://www.asahibeer.co.jp/enjoy/wine/know/wine/m_02.html
K.O.tenchou